ลงทุนหุ้นยา หรือ การซื้อหุ้นยา ก็นับเป็นการลงทุนในหุ้นทั่วไป คล้ายกับหุ้นตัวอื่นๆ เพียงแต่เป็นการเจาะจงใน อุตสาหกรรมยา ผลิตภัณฑ์ที่มีการซื้อขายจะเกี่ยวกับ ยา แทบทั้งหมด ซึ่งหุ้นประเภทนี้ ก็มีสิ่งที่น่าสนใจแตกต่างจากหุ้นทั่วไป ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับการ ลงทุนหุ้นยา เพื่อให้เข้าใจอุตสาหกรรมประเภทนี้ และนำไปประกอบการตัดสินใจ ในการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น
หุ้นยา คืออะไร ?
หุ้นยา คือ หุ้นที่เกิดจากการระดมทุนจากบริษัท ที่วิจัย ผลิต และจำหน่ายยา ซึ่งตลาดของยานั้น แตกต่างจากตลาดในสินค้าอื่นๆ เนื่องจาก ยา มีความต้องการอยู่เสมอ เพราะคนต้องเจ็บป่วย ต้องใช้ยา เมื่อประชากรสูงขึ้น แนวโน้มของความต้องการยาก็จะแปรผันโดยตรง คือมีสูงขึ้นตามจำนวนประชากรบนโลกนี้ ฉะนั้น อุตสาหกรรมยา นับเป็นอุตสาหกรรมที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
การเติบโตของการ ลงทุนหุ้นยา

ภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของ การจัดจำหน่ายยา มีมูลค่าโดยเฉลี่ยสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี [1] และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี เนื่องจากอุปสงค์ของการใช้ยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงที่เกิดโรคระบาดอย่าง Covid-19 บริษัทผู้ผลิตสินค้าทางการแพทย์ และยา เพิ่มสูงขึ้นจาก 992 รายในปี 2562 เป็น 1,792 รายในปี 2564 [2] เห็นได้ชัดว่าในช่วงที่เกิดวิกฤตในโรคระบาด ส่งผลให้มีความต้องการยาสูงขึ้นหลายเท่าตัว จึงเกิดอุปทานตามมา เพื่อตอบสนองต่อความต้องการยาของตลาด ในช่วงเวลานั้น
นอกจากยาที่ใช้รักษาโรคแล้ว ยังมียาที่เป็นอาหารเสริม เช่นยาวิตามิน ยาบำรุงร่างกาย ที่มีแนวโน้มเติบโตไปด้วยเช่นกัน เนื่องจากผู้คนหันมาดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อาหารเสริมจึงวางขายในท้องตลาดทั่วไป ทั้งในร้านขายยา และห้างสรรพสินค้าต่างๆ
จุดแข็งของ หุ้นยา
ลงทุนหุ้นยา จะมีจุดแข็งที่หุ้นชนิดอื่นไม่มี ถือเป็นจุดสำคัญของตัวหุ้นยา โดยจุดแข็งของหุ้นยา มีดังต่อไปนี้
- ยาผลิตได้ยาก จึงมีคู่แข่งน้อย เกิดการผูกขาดได้ง่าย ในกระบวนการผลิตยานั้น ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถผลิตได้ การผลิตมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน ต้องใช้เครื่องมือการผลิตที่มีราคาแพง มีความทันสมัย จึงทำให้ยานั้นมีการแข่งขันที่น้อยกว่าสินค้าประเภทอื่นมาก หรือยาบางชนิดก็อาจจะไม่มีคู่แข่งเลย เกิดการผูกขาด จึงทำให้ตั้งราคาสูงได้ และขายได้ง่าย
- ยาเป็นสินค้าจำเป็น ที่หาอะไรมาทดแทนไม่ได้ ร่างกายของมนุษย์เจ็บป่วยได้ตลอดเวลา ในการรักษาต้องใช้ยาบางชนิดเท่านั้น ไม่มีสินค้าอื่นมาทดแทนยาได้ จึงทำให้มีความต้องการยาอยู่ตลอดเวลา
- สิทธิบัตรในการคิดค้นยา เมื่อแต่ละบริษัทคิดค้นยาตัวใหม่ได้ เป็นบริษัทแรก สามารถจดสิทธิบัตรเพื่อเป็นเจ้าของได้ในระยะเวลาหนึ่ง ช่วงเวลานั้นจะไม่สามารถมีบริษัทอื่นผลิตยาตัวเดียวกันได้ จึงทำให้เกิดการผูกขาดยาในระหว่างนั้น ทำให้บริษัทกินส่วนแบ่งการตลาดได้มาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนหมดอายุสิทธิบัตร บริษัทอื่นก็จะสามารถผลิตยาชนิดนั้นได้เช่นกัน
- มีการสนับสนุนจากภาครัฐ ยารักษาโรคเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ประชาชนควรได้รับ จึงมีการสนับสนุน อุดหนุนจากภาครัฐ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
จุดอ่อนของ หุ้นยา
ในการ ลงทุนหุ้นยา ใช่ว่าจะมีเพียงจุดแข็งเสมอไป หุ้นยา ก็มีจุดอ่อนอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน โดยรายละเอียดมีดังต่อไปนี้
- มีการลงทุนที่สูง ต้นทุนสำหรับการลงทุนในบริษัทยาสูงมาก เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์ที่มีราคาแพง ต้องจ้างบุคลากรที่มีความสามารถ เฉพาะทาง ทำให้บริษัทเสี่ยงขาดทุน เมื่อมีการบริหารไม่ดี หรือมีการคืนทุนที่ค่อนข้างใช้เวลานาน
- ในสภาวะปกติ ไม่ได้มีความต้องการที่สูง การทำกำไรของบริษัทยา ในสภาวะที่ปกติ จะไม่ได้สูงเทียบเท่าสินค้าบางชนิด ที่มักจะมีเทรนเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
- มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับหุ้นชนิดอื่น ในการ ลงทุนหุ้นยา ก็คล้ายคลึงกับการลงทุนหุ้นชนิดอื่น ย่อมมีความเสี่ยง มีความผันผวนเกิดขึ้นได้เสมอ
ตัวอย่าง หุ้นยาในต่างประเทศ

ในหัวข้อนี้เราจะพาท่านมาทำความรู้จักกับ หุ้นของยา ที่โด่งดังในต่างประเทศ โดยเราจะหยิบยกมาเพียงบางบริษัท ที่มีความน่าสนใจเท่านั้น
1. Abbvie Inc
เป็นบริษัทเภสัชกรรมจากอเมริกา ที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ในบรรดาบริษัททางการแพทย์ทั้งหมด ผลิตภัณฑ์หลักของ Abbvie Inc คือยา Humira (adalimumab) เป็นยาลดการอักเสบที่สร้างรายรับ 1 หมื่น 4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566 ที่ผ่านมา [3]
คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมของหุ้น Abbvie Inc
2. AstraZeneca PLC
เป็นบริษัทเภสัชกรรมจากอังกฤษ และสวีเดน เป็นบริษัทยาที่ใหญ่เป็นอันดับ 12 ของโลกในบรรดาบริษัททางการแพทย์ทั้งหมด AstraZeneca ประสบความสำเร็จในการสร้าง วัคซีนป้องกันโรค Covid-19 ในช่วงของการระบาดที่ผ่านมา โดยวัคซีนนั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงที่สุดถึง 90% [4]
คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมของหุ้น AstraZeneca PLC
3. Bayer AG
เป็นบริษัทยาจากเยอรมนี เป็นบริษัทที่คิดค้นยาแอสไพริน ที่ช่วยระงับการปวด ลดไข้ และแก้อักเสบ [5] มีการใช้กันอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์ทั่วโลก
คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมของหุ้น Bayer AG
ตัวอย่าง หุ้นยาในประเทศไทย
1. Inter Pharma PCL
บริษัทผลิตยา และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เป็นบริษัทที่ติด 1 ใน 50 ของบริษัทแห่งนวัตกรรมในประเทศไทย
คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมของหุ้น Inter Pharma PCL
2. DOD Biotech PCL
เป็นบริษัทที่เน้นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ได้รับการรองรับจาก GMP Thai FDA 420 ให้เป็นบริษัทที่มีมาตรฐาน และมีความปลอดภัย
คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมของหุ้น DOD Biotech PCL
วิธีการ ลงทุนหุ้นยา

ในการ ลงทุนหุ้นยา หรือ ซื้อหุ้นยา นักลงทุนต้องทำการเปิดพอร์ตหุ้น กับโบรกเกอร์ หรือตัวกลางในการซื้อขายหุ้น ในปัจจุบันนี้เราสามารถทำได้ง่ายๆที่บ้าน ผ่านเว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือได้เลย ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่ตลาดซื้อขายหุ้น หรือธนาคารเหมือนในสมัยก่อน
วิธีการเลือกโบรกเกอร์ ให้เลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ ไม่มีประวัติเสียหาย มีค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรม ไม่สูงจนเกินไป และควรมีช่องทางแลกเปลี่ยนเงินตราที่ครบถ้วน รองรับเงินบาท รองรับบัญชีธนาคารในไทย ซึ่งรายละเอียดวิธีการเปิดพอร์ตหุ้น สามารถอ่านต่อได้ที่นี่ วิธีเปิดพอร์ตหุ้น
ปัจจุบันในแอพพลิเคชั่นธนาคาร อย่าง SCB, K-Bank, กรุงศรี หรือออมสิน ได้รองรับการซื้อขายหุ้นผ่านธนาคารโดยตรง สามารถกดเพื่อดูรายละเอียดในส่วนของ การลงทุน อย่างไรก็ตาม ทุกตัวแทนมีค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียด เปรียบเทียบกันในแต่ละโบรกเกอร์ให้ดีก่อน เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงที่สุด
สรุป ลงทุนหุ้นยา อีกหนึ่งหุ้นที่น่าสนใจในยุคปัจจุบัน
หุ้นยา เป็นอีกหุ้นที่มีจุดแข็งเฉพาะตัว มีความน่าสนใจสำหรับผู้ลงทุน เนื่องจากความต้องการยาที่มีอย่างต่อเนื่อง ถึงอย่างไร การลงทุนหุ้นทุกชนิดย่อมมีความเสี่ยง ก่อนการ ลงทุนหุ้นยา ผู้ลงทุนควรศึกษาตัวหุ้นแต่ละตัวให้ดี และควรลงทุนอย่างมีสติ
อ้างอิง
[1] Investerest. (February 29, 2024). การลงทุนกับอุตสาหกรรมยา. Retrieved from investerest
[2] Krungsri. (December 6, 2022). แนวโน้มธุรกิจอุตสาหกรรมยาปี 2566-2568. Retrieved from krungsri
[3] Wikipedia. (March 15, 2024). AbbVie. Retrieved from wikipedia
[4] Wikipedia. (March 19, 2024). AstraZeneca. Retrieved from wikipedia
[5] Wikipedia. (March 15, 2024). Bayer. Retrieved from wikipedia