แคชเมียร์แซฟไฟร์ หรือ Kashmir sapphire หนึ่งในอัญมณีสีบลู ที่โด่งดัง และได้ชื่อว่าหายาก ยิ่งกว่าเพชรเกรด D Flawless และมีราคาแพงกว่า Painite ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ มักเรียกมันว่า “กำมะหยี่สีน้ำเงิน” ส่วนข้อมูลเพิ่มเติม มีดังต่อไปนี้
การค้นพบ แคชเมียร์แซฟไฟร์ จากเทือกเขาสูง
แคชเมียร์แซฟไฟร์ เป็นแร่จากเทือกเขาหิมาลัย ของประเทศอินเดีย ที่ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1881 หลังจากนั้นในปี 1882 พิพิธภัณฑ์อินเดีย ก็ได้ให้การยืนยันว่า แร่ดังกล่าวเป็นแซฟไฟร์แท้
เส้นทางเวลา แคชเมียร์แซฟไฟร์ และเหมืองแร่

หลังจากได้รับการยืนยันเมื่อ 1882 ทำให้ต่อมา การทำเหมืองแร่แคชเมียร์ ก็ได้เริ่มขึ้น แล้วถูกซื้อต่อโดย มหาราชา (ผู้ปกครองในทศวรรษดังกล่าว) ซึ่งการผลิตส่วนใหญ่ เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
ต่อมาเมื่อปี 1887 เหมืองแร่ก็ได้ปิดตัวลง จากนั้นเวลาเดินทางมาถึงปี 1906 CMP Wright และ Kashmir Mineral Co. ได้เช่าเหมืองแร่ และเริ่มขุดในภูมิภาคใหม่ แต่สุดท้ายก็ปิดตัวลง
จนกระทั่ง 1927 มีการค้นพบ แซฟไฟร์สีน้ำเงินบางส่วน ในสถานที่ใหม่ๆ [1] แต่ถึงอย่างนั้น การขุดพบแซฟไฟร์คุณภาพดีครั้งล่าสุด คือเมื่อกว่า 100 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสาเหตุที่มันหายาก และมีมูลค่ามากๆ
ประวัติศาสตร์ แคชเมียร์แซฟไฟร์ ที่ต้องจดจำ
ในสมัยที่ แคชเมียร์แซฟไฟร์ ถูกพบว่ามีคุณค่า ทำให้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้น คือการโจรกรรมครั้งแรก ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1996 เมื่อบริษัท Horovitz & Totah Jewelers จัดประมูลกำไลข้อมือ
ที่ประดับไปด้วยแซฟไฟร์สีน้ำเงิน น้ำหนัก 65.16 กะรัต รูปทรง Cushion Cut ซึ่งก่อนวันประมูล บริษัท Antiquorum ได้นำผลงานชิ้นนี้ ไปโชว์ที่โรงแรม 4 Seasons ณ มิลาน อิตาลี
ซึ่งในวันนั้น มีผู้ร่วมชมมากกว่า 50 คน และอยู่ๆ กำไลข้อมือก็ได้หายไป จนกระทั่งปี 2015 มีการโชว์อัญมณีแซฟไฟร์ 59.57 กะรัต ที่เชื่อกันว่า มันคือสร้อยข้อมือ ที่เคยถูกขโมยไปเมื่อ 19 ปีก่อน
ที่มา: Theft of Kashmir Sapphires [2]
คุณสมบัติ แคชเมียร์แซฟไฟร์ ที่โดดเด่น

คุณสมบัติที่โดดเด่นของ แคชเมียร์แซฟไฟร์ คือเฉดสีน้ำเงิน ที่มีความชัดเจน และโปร่งใสเป็นพิเศษ ด้วยโครงสร้างแร่ธาตุ ที่อยู่ในกลุ่ม corundum (คอรันดัม)
โดยประกอบด้วยเหล็ก และมีไทเทเนียมเจือปน ทำให้ปรากฏสีน้ำเงินเฉพาะตัว ซึ่งสีที่ต้องการมากสุด คือ Cornflower Blue และ Royal Blue ที่นิยมทำเป็น เครื่องประดับราคาแพง [3]
มูลค่าของ แคชเมียร์แซฟไฟร์ ที่โลกตกตะลึง
บลูแซฟไฟร์มีราคาแพงกว่าสีอื่น ซึ่งไม่ค่อยพบเห็น ในรูปแบบการจำหน่ายแบบทั่วไป แต่ส่วนใหญ่หากเป็น แคชเมียร์แซฟไฟร์ เกรดพรีเมียม จะมีการเก็บสะสมไว้ และตกทอดเป็นมรดก
โดยสินค้าไฮเอนด์ส่วนใหญ่ จะมาจากการประมูล ไม่ว่าจะเป็น แหวน ต่างหู เข็มกลัด หรือสร้อยคอ ซึ่งมีการจบราคาต่ำสุดคือ 3 ล้านดอลลาร์ และจบประมูลสูงสุดคือ 17 ล้านดอลลาร์ ดังเช่นตัวอย่างด้านล่าง
3 สถิติ แคชเมียร์แซฟไฟร์ ในงานประมูล
- Blue Belle of Asia : น้ำหนัก 392.52 กะรัต แคชเมียร์แซฟไฟร์ เจียระไนใหญ่สุดอันดับ 4 ในโลก ราคา 17,305,996 ดอลลาร์ ประมูลเมื่อพฤศจิกายน 2014
- The Richelieu Sapphires : รูปทรงเบาะ น้ำหนัก 26.66 และ 20.88 กะรัต ถูกกำหนดราคาประมูลเมื่อ 2013 ไว้ที่ราคา 8,358,520 ดอลลาร์
- Kashmir Blue Sapphire Ring : แหวนขนาด 35.09 กะรัต ถูกขายเมื่อเดือนพฤษภาคม 2015 ราคาขายรวม 7,357,999 ดอลลาร์
และมีสินค้าอีกถึง 13 สถิติ ที่เกี่ยวข้องกับ แคชเมียร์แซฟไฟร์ ที่รวบรวมข้อมูลราคา ตั้งแต่การประมูลในปี 2001 จากบริษัทอันดับต้นๆ ของโลก สามารถอ่านได้ที่ 16 Record-Breaking Sapphires Sold at Auction Houses
สรุป แคชเมียร์แซฟไฟร์
แคชเมียร์แซฟไฟร์ เป็นแร่ธาตุสีน้ำเงิน ที่มีเสน่ห์ดึงดูด สง่างาม ตลอดจนสตอรี่ที่น่าสนใจ ส่งผลให้สินค้าทุกชิ้น ที่ตกแต่งด้วยแซฟไฟร์สีบลูเข้ม ประเมินค่าแทบไม่ได้ จึงไม่แปลกใจ ที่ผู้คนจะต้องการ และมีการจบราคาประมูลแต่ละครั้ง แตะหลายล้านดอลลาร์ หรือกว่า 100 ล้านบาท!
อ้างอิง
[1] Estate Diamond Jewelry. (April 2, 2024). The Timeline Of Kashmir Sapphire History. Retrieved from estatediamondjewelry
[2] The Natural Sapphire Company. (September 13, 2019). Theft of Kashmir Sapphires. Retrieved from thenaturalsapphirecompany
[3] Pragnell. (2024). Why are Kashmir Sapphires Blue?. Retrieved from pragnell